5 ข้อ “ทีมชาติไทย” กู้ศรัทธา รวมพลังสู้ เอสโตเนีย

5 ข้อ ทีมชาติไทย กู้ศรัทธา รวมพลังสู้ เอสโตเนีย
  • สร้างแผนการที่ทำให้คุณพอใจ
    อเล็กซานเดอร์ โพลคิง ปรับแผนเกมจากแพ้จอร์เจียอย่างหายนะ จากเดิม 3-5-2 มาเป็น 4-3-3 ที่โดดเด่นกว่า ซึ่งผลงานถือว่าดีมาก บดินทร์ พลา ที่เล่นเป็นวิงแบ็คฝั่งซ้ายและกลายเป็นหนึ่งแต้มที่คู่ต่อสู้มักจะบุกโจมตี ถูกย้ายมายืนสูงตามใจชอบแล้วส่ง จักรกฤษ ลาภตระกูล ลงเล่นแนวรับ ในตำแหน่งกองกลาง วีรเทพ ป้อมพันธุ์ และ ปิติวัฒน์ สุขจิตธรรมกุล ยังคงเป็นตัวละครหลักร่วมกับ กฤษฎา กมาน ที่ยืนเป็น 1 ใน 3 กองหลังหลังนัดแรกยืนประสานแผงกองกลาง แนวหน้า ยศกร บูรพา ออกสตาร์ทแทน ธีระศักดิ์ เปิบพิมาย รูปแบบการเล่นแบบนี้ บ่งบอกชัดเจนว่าทีมชาติไทย พร้อมจริงๆ ที่จะเจอกับ เอสโตเนีย และคุ้นเคยกับระบบนี้แล้ว บวกกับความมุ่งมั่นที่เพิ่มขึ้น ทำให้ภาพรวมของเกมที่ออกมาทำได้ดีมาก แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากนัดที่แพ้จอร์เจีย

  • วิ่งสู้ให้หนักกว่าเดิม
    ด้วยกระแสลบอย่างหนักจากการพ่ายแพ้ต่อจอร์เจีย 0-8 ทำให้ ‘ความกดดัน’ หลั่งไหลมาสู่ทีมชาติไทยอย่างไม่มีข้อยกเว้นซึ่งกลายเป็นสิ่งที่นายพลช้างศึกแห่งฟีฟ่าเดย์ เดือนตุลาคม 2566 ต้องเผชิญและหลีกเลี่ยงไม่ได้ การหลีกเลี่ยง ‘สภาพจิตใจ’ เป็นสิ่งที่อเล็กซองเดร โพลกิงและทีมของเขาต้องพยายามสนับสนุนให้ผู้เล่นกลับมาโดยเร็วที่สุด เพราะถ้ายังไม่ลืมความผิดหวังจากนัดแรกคงส่งผลทันทีในเกมกับเอสโตเนียแต่เครดิตส่วนใหญ่ที่เห็นตลอด 90 นาทีที่ลิลเลคูล่า สเตเดี้ยมตกเป็นของโค้ชบราซิล-เยอรมัน . ที่สามารถนำความมั่นใจมาสู่นักเตะไทย ให้กลับมาฟอร์มดีอีกครั้ง สิ่งที่นักเตะช้างศึกแสดงให้เห็นในสนามคือการทุ่มเทตลอดทั้งเกม นักเตะตัวจริงทั้ง 11 คน รวมทั้งที่เพิ่งลงสนามในครึ่งหลังก็วิ่งสู้กัน ไล่บอลทุกจังหวะ อัดพื้นที่ ไม่ให้เจ้าบ้านเล่นง่ายส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการปรับตัวเข้ากับอากาศหนาวได้มากขึ้น ระบบหายใจเริ่มกลับมาเป็นปกติ ส่งผลให้พวกเขาสามารถเล่นได้อย่างที่จินตนาการไว้จากการแพ้จอร์เจียโดยสิ้นเชิงซึ่งตรงกันข้ามกับการเสมอเอสโตเนีย 1-1 และนั่นคือสิ่งที่สตาฟฟ์โค้ชทุกคนต้องชื่นชม รวมถึงผู้เล่นที่ลงไปต่อสู้เพื่อชิงธงไตรรงค์ที่หน้าอกด้านซ้าย นี่คือ ‘ความสามัคคี’ ของคำว่าทีม ซึ่งเมื่อทุกคนเชื่อมต่อกันเป็นหนึ่งเดียว ผลการแข่งขันจึงเป็นไปในทางบวก

  • กองกลางอยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยม
    ตำแหน่งปัจจุบันในทีมชาติไทย นักเตะที่ถูกเลือกมากที่สุดคือ ‘กองกลาง’ (ไม่รวมเพลย์เมกเกอร์) เพราะมีนักเตะที่มีพรสวรรค์ มีหลายคนพร้อมจะแย่งชิงลงสนาม แม้ว่าทีมช้างศึกชุดนี้จะไม่มีผู้เล่นหลักอย่าง สารัช อยู่เย็น, ฐิติพันธุ์ พ่วงจันทร์, พีรดนย์ จำรัสมี หรือแม้แต่ ธีราทร บุญมาทัน ที่มักจะเข้ามายืนกองกลางในช่วงนี้ แต่ทีม ฟีฟ่า เดย์ เดือนตุลาคม 2566 ก็มี วีระเทพ ป้อมพันธุ์ และ ปิติวัฒน์ สุขจิตธรรมกุล เช่นกัน . ที่เป็นขาประจำ และการที่คู่นี้ยังคงอยู่ ทำให้กองกลางทีมชาติไทย ยังไงก็วางใจได้ เกมแรกแพ้จอร์เจีย ที่มาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นระบบการเล่นที่ไม่เป็นธรรมชาติและสภาพอากาศที่ส่งผลอย่างชัดเจน ทำให้ฟอร์มนักเตะผิดเพี้ยนไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อมี วีรเทพ และ ปิติวัฒน์ ซึ่งทักษะการเล่นฟุตบอลไม่ธรรมดาอยู่แล้ว รวมถึง การที่ อเล็กซองดร์ โพลกิง ย้าย กฤษฎา กมาน มายืนแทน กองกลาง กองกลางจึงทำให้แผงกองกลางไทยทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะครึ่งแรกที่พวกเขาครองบอลเหนือเอสโตเนียหรือแม้กระทั่งจบเกม ก็ไม่ได้ด้อยกว่าแต่อย่างใด

  • กัมพลยิ่งเล่นยิ่งดี
    ผลคือเสมอเอสโตเนีย 1-1 มีหลายคนที่น่าชื่นชม เริ่มจาก Alexandre Polking ที่รวบรวมยุทธวิธีที่ยอดเยี่ยม รวมถึงการรักษาสภาพจิตใจ ว่าเขาสามารถฟื้นฟูทีมของเขากลับมาได้อย่างรวดเร็วจริงๆ และแน่นอนว่าเราต้องชื่นชมการต่อสู้ของผู้เล่นทุกคน แต่คนที่โดดเด่นที่สุดตลอดทั้ง 2 เกมในทัวร์ยุโรป ต้องเป็น กัมพล ปัทมารักษ์กุล ผู้รักษาประตูภูเก็ต ที่รักษามาตรฐานของตัวเองมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่ระดับสโมสร แต่ขยายไปถึงทีมชาติไทย เกมที่แพ้ให้กับจอร์เจีย หากไม่ใช่เพราะผู้รักษาประตูวัย 31 ปี บางทีช้างศึกอาจจะทะลุตาข่ายมากกว่านี้ก็ได้ เมื่อถึงแมตช์กับเอสโตเนีย-กัมพลยังคงโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะครึ่งแรกที่เขาเซฟได้บางช็อต ของกองหน้าเจ้าถิ่นทำให้ไทยไม่หลุดเร็ว ครึ่งหลังมีโอกาสออกมาตัดบอลอย่างสวยงามหลายครั้ง ส่วนบอลที่เฮนรี อานิเยร์ ยิงมานั้นเขาแพ้การป้องกันจริงๆ ด้วยฟอร์มแบบนี้เชื่อได้ว่าทั้ง ฉัตรชัย บุตรพรหม, ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน และ ปฏิพัทธ์ คำมัย ผู้รักษาประตูตัวเลือกอันดับหนึ่งต้องตกเป็นเป้าแน่นอนเพราะเวลานี้ยังมีตัวเต็ง ‘ตัวเลือกแรก’ อีกคนแล้ว

m98, baanpolball, ib888, hit789, u31, 168galaxy, w88, betflik68, y9, 365bet

  • การตกแต่งยังคงเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไข
    โดยรวมแล้วตลอด 90 นาที ทีมชาติไทยทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นแนวรับที่เล่นอย่างมีระเบียบวินัย กองกลางที่ครองบอลไม่ตื่นตระหนก และแนวรุกที่สร้างโอกาสได้มากมาย เมื่อทุกองค์ประกอบอยู่ในตำแหน่งที่สมบูรณ์แบบ แต่สุดท้ายแล้วไม่สามารถจบสกอร์ได้ สิ่งที่คุณทำได้ดีมาก ‘ไร้ประโยชน์’ ซึ่งทีมชาติไทย จะต้องกลับมาแก้ไขใหม่ในอนาคต ในเกมมีโอกาส 12 ครั้งที่จะเสมอกับเอสโตเนีย 6 ครั้งเข้าเป้าและทำให้ผู้รักษาประตูเจ้าบ้านเซฟได้ 5 ครั้งก่อนจะได้ 1 ประตูจากตัวเลขที่ออกมา อาจจะดูไม่แย่ แต่ก็มี 2-3 ช่วงเวลาที่ไทยน่าจะทำได้ดีกว่านี้ แต่น่าเสียดายที่พลาดประตูไป ซึ่งถ้าไปไกลกว่ามาตรฐานปัจจุบัน การจบในสามสุดท้ายเป็นตัววัดว่าคุณจะไปได้ไกลแค่ไหน ปัญหา ณ จุดนี้ก็คือฉันเชื่อว่าอเล็กซานเดร โพลกิงเองก็รู้ดีว่ามันเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องแก้ไข และตอนนี้ยังมีเวลาอยู่บ้าง ก่อนที่ช้างศึกจะได้เล่นในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก 2026 ในโซนเอเชีย รวมถึงเอเชียนคัพ 2023 ซึ่งเป็นสองทัวร์นาเมนท์ใหญ่ที่ทุกคนรอคอยหากรักษาผลงานแบบเสมอกับเอสโตเนียได้ โดยมีผู้เล่นหลัก(จริงๆ)กลับมาอีกครั้ง และปรับปรุงความคมชัด รับรองว่าแฟนบอลชาวไทยคงมีรอยยิ้มบนใบหน้าของทุกคนอย่างแน่นอน

dee88, 818king, bigbet44, dnabet, g2g1bet, bet911, ufazeed, ts911, bet2you, mgm99win