อ้างอิงจาก NBA : จัดกีฬาแบบ Bubble ใช้งบประมาณเท่าไหร่ ใช้กับอะไรบ้าง ?

นับตั้งแต่โลกของเราเผชิญหน้ากับวิกฤตโควิด-19 วงการกีฬาจำเป็นต้องปรับตัวกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เพื่อช่วยเหลือให้ธุรกิจมูลค่ามหาศาลดำเนินต่อไปได้

หนึ่งในวิธีการที่เข้ามาช่วยเหลือและพยุงให้การแข่งขันกีฬาหลายกีฬาสามารถทำการแข่งขันจนจบลงด้วยดี ตลอดขวบปีที่ผ่านมา คือวิธีการจัดกีฬาแบบ Bubble หรือการแข่งขันกีฬาภายใต้สภาพแวดล้อมปิด เพื่อสร้างความปลอดภัยทางชีวภาพ ภายใต้กฎการกักตัวที่เข้มงวด และโปรโตคอลความปลอดภัยขั้นสูงสุด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แก่นักกีฬารวมถึงผู้เกี่ยวข้องกับการแข่งขัน

ลีกกีฬาที่นำวิธีการแบบ Bubble มาใช้ และประสบความสำเร็จจนกลายเป็นต้นแบบแก่ผู้จัดกีฬาทั่วโลก คือการแข่งขันบาสเกตบอล NBA ฤดูกาล 2019-20 ที่ใช้จัดใน 8 เกมสุดท้ายของฤดูกาลปกติ รวมถึงเกมเพลย์ออฟ และนัดชิงชนะเลิศ ในพื้นที่ปิดซึ่งเรียกว่า NBA Bubble ที่เมืองออร์แลนโด รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา Main Stand หยิบความสำเร็จของ NBA Bubble 2020 มาเป็นตัวอย่างเพื่อแสดงให้เห็นว่า การจัดภายใต้สิ่งแวดล้อมปิดในแต่ละครั้ง ต้องเสียค่าใช้จ่ายไปกับอะไรบ้าง และผลตอบแทนหลังจากทุ่มเงินมหาศาลเพื่อให้ธุรกิจเดินหน้า คุ้มค่าหรือไม่กับเม็ดเงินที่หว่านลงไปในการสร้าง Bubble

ย้อนกลับไปยังเดือนมีนาคม ปี 2020 เมื่อ NBA ประกาศยุติลีกชั่วคราว มีการคาดการณ์จากเว็บไซต์การเงินชื่อดังอย่าง Forbes ว่า NBA จะขาดทุนถึง 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 5 หมื่นล้านบาท หากไม่จัดการแข่งขันต่อจนจบ นำมาสู่มติเอกฉันท์ 29-1 เสียง ที่จะดำเนินการแข่งขันต่อภายใต้การจัดแบบ Bubble แน่นอนว่า การจัดเกมกีฬาใน Bubble คือการแข่งแบบปิด และจะไม่มีผู้ชมเข้าสู่การแข่งขัน ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงไม่น้อยสำหรับ NBA เพราะ 40 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ในแต่ละฤดูกาล มาจากค่าตั๋วเข้าชมการแข่งขัน และการใช้จ่ายในแมตช์เดย์ ซึ่งทั้งหมดกลายเป็น 0 เมื่อเลือกจัดการแข่งขันใน Bubble

แต่เพื่อสร้างการแข่งขันที่ดีที่สุด NBA ประกาศทุ่มเงินขั้นต่ำ 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 5 พันล้านบาท เพื่อเป็นงบประมาณสร้าง NBA Bubble โดยงบประมาณส่วนใหญ่ถูกใช้เป็นค่าเช่าสถานที่จัดเกมการแข่งขันและที่พักนักกีฬา ซึ่ง NBA เลือกใช้ วอลต์ ดิสนีย์ เวิลด์ รีสอร์ต ที่มีพร้อมทั้งสนามกีฬาและโรงแรมหรูไว้รองรับซูเปอร์สตาร์บาสเกตบอล NBA เช่า 3 สนามแข่งขันใน ESPN Wide World of Sports Complex ซึ่งตั้งอยู่ในเขต วอลต์ ดิสนีย์ เวิลด์ รีสอร์ต ได้แก่ แอดเวนต์เฮลท์ อารีนา, เอชพี ฟิลด์ เฮาส์ และ วีซ่า แอธเลติก เซ็นเตอร์ ส่วนที่พักนักกีฬา NBA เช่า 3 รีสอร์ตที่ตั้งอยู่ในเขตดิสนีย์ โดยสองรีสอร์ต ได้แก่ Disney’s Grand Floridian Resort & Spa และ Disney’s Yacht Club Resort ที่เป็นรีสอร์ตแบบ Deluxe ส่วน Disney’s Coronado Springs Resort ซึ่งเป็นรีสอร์ตระดับกลาง ใช้รับรองนักกีฬาบางส่วนและสตาฟทั้งหมด